On 21 November 2023, i-Store Self Storage, premium self storage provider in Bangkok, has officially opened i-Store Hua Lamphong branch with digital door lock. Customers are able to reserve the unit conveniently through www.i-store.co.th. Once they get the passcode, they can access the unit 24/7.
i-Store Self Storage Hua Lamphong is located on B floor in The Prime Office Building, 200 meters from Hua Lamphong train station, and 300 meters from MRT Hua Lamphong. With centrally located location, i-Store is considered located in the prime location to serve Thai and foreign customers, companies and organizations located 1-3 kilometers from i-Store Self Storage Hua Lamphong.
Self Storage at i-Store Self Storage Hua Lamphong offer sizes luggage – M (0.72 – 4.5 sq.m.) with air condition. There is 24/7 security. i-Store opens on Monday – Friday 9 AM – 6 PM, and Saturday-Sunday and public holiday 9 AM – 5 PM. For more information, please contact (+66)62-353-8293 or visit www.i-store.co.th.
With the location and technology, i-Store Hua Lamphong has received a nice response with 10% of reservation with pre-sale promotion. With the growing market in this past 2-3 years, i-Store Self Storage is planning to expand in the future. In 2024, i-Store will open Udomsuk branch (Soi Sukhumvit 66/1), 300 meters from BTS Udomsuk, and will open Onnut branch on January and May 2024. From this expansion, it shows the potential of self storage market that increases as same as customers’ demand. And with the expansion of i-Store emphasizes i-Store purpose “Increasing Space for Urban Life”.
ในวันที่โลกหมุนไปข้างหน้าเร็วขึ้น มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมาหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่เปลี่ยนไป ทั้งในแง่ความสะดวกสบาย ความสร้างสรรค์ ความบันเทิง ฯลฯ แพรวจึงรวบรวมธุรกิจยุคใหม่ฝีมือคนไทยที่น่าจับตามองสุดๆ มาฝากกัน
ธุรกิจรับฝากสำหรับคน “มีของ”
เพราะเล็งเห็นถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนเมือง ยิ่งนับวันยิ่งมีเรื่องพื้นที่จัดเก็บของท่ามกลางบ้านและคอนโดที่มีขนาดเล็กลง คุณภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) จึงได้ไอเดียเปิดบริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน (Self Storage) ระดับพรีเมียม ภายใต้แบรนด์ i-Store Self Storage ที่มีจุดเด่นเป็น Prime Location กลางเมือง พร้อมบริการห้องเก็บของหลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์และความต้องการของคนเมือง
ของเยอะ แต่มีพื้นที่น้อย
คุณภักดีเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการจับธุรกิจบริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สินว่า “ก่อนหน้านี้ผมเคยทำธุรกิจเกี่ยวกับ Data Center มาก่อนครับ แต่ส่วนตัวสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เคยเข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ ได้เจอวิทยากรเก่งๆ เพื่อศึกษาว่าถ้าจะทำธุรกิจด้านนี้ยังมีอะไรที่เป็นช่องว่างทางการตลาดอยู่ ก็มาเห็นธุรกิจฝากของ Self Storage ตอนนั้นประมาณ 6 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปดูงานที่สิงคโปร์ คิดว่าน่าสนใจ เพราะสิงคโปร์เป็นเกาะเล็กๆ มีปัญหาเรื่องพื้นที่ ธุรกิจฝากของแบบ Self Storage จึงตอบโจทย์ความต้องการของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยในคอนโดและมีพื้นที่จำกัด บางทีจะรีโนเวทห้องก็ต้องหาที่เก็บเฟอร์นิเจอร์ข้าวของ จึงคิดว่ากรุงเทพฯ โดยเฉพาะใจกลางเมืองน่าจะมีปัญหาไม่ต่างกัน พอกลับมาจากสิงคโปร์จึงศึกษาหาข้อมูลจากที่อื่น ๆ ด้วย เช่น ฮ่องกง โตเกียว อเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย พบว่าเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกล้วนมีความต้องการใช้บริการเช่าห้องเก็บของกันทั้งนั้น อย่างอเมริกาก็มีธุรกิจนี้เกิดขึ้นมา 40 – 50 ปีแล้ว มีกว่า 50,000 โลเคชั่นทั่วประเทศ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะเริ่มในเมืองไทย เพราะ ณ ตอนนั้น (เมื่อ 6 ปีที่แล้ว) ยังมีบริการแบบนี้น้อยมาก แต่ความหนาแน่นของคอนโดสูงขึ้น ขนาดห้องก็เล็กลงเรื่อย ๆ อย่างคอนโด 1 ห้องนอนมีพื้นที่แค่กว่า 30 ตารางเมตรเอง ห้องสตูดิโอก็เหลือแค่ 20 – 25 ตารางเมตร จึงมีปัญหาเรื่องพื้นที่เก็บของมากขึ้นเรื่อย ๆ ธุรกิจนี้จึงน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ เราจึงเริ่มมองหาโลเคชั่น โดยคิดถึงกลุ่มลูกค้าไว้สองส่วน คือลูกค้าต่างประเทศกับลูกค้าคนไทย แต่คิดว่าลูกค้ากลุ่มแรกน่าจะเป็นชาวต่างชาติที่มาอาศัยหรือทำงานในกรุงเทพฯ เพราะเขาคุ้นชินกับบริการนี้อยู่แล้ว จึงเลือกทำเลที่มีคนต่างชาติอาศัยอยู่เยอะหน่อย เช่น สีลมและสุขุมวิท 24”
ทำเล ทำเล ทำเล
หนึ่งในหัวใจหลักของธุรกิจ Self Storage ที่คุณภักดีมองไว้คือโลเคชั่นใจกลางเมือง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ง่าย “การหาโลเคชั่นใจกลางเมืองยากมากครับ แต่ความที่เราเคยอบรมหลักสูตรอสังหาริมทรัพย์มา ก็จะพอรู้แนวทางการเลือกโลเคชั่นว่าต้องทำ Site Analysis ยังไง ดูว่าโลเคชั่นไหนมีข้อจำกัดใดบ้างในการก่อสร้าง ต้องหาเองหรือให้ใครช่วยหา ซึ่งผมทำทั้งสองแบบ โดยลองเซอร์เวย์รอบ ๆ สุขุมวิท ดูจากป้ายขายที่ดินบ้าง สอบถามพื้นที่ข้างเคียง คุยกับคนในพื้นที่ ผ่านไป 2 เดือน ประมาณต้นปี 2017 ก็ได้พื้นที่ตรงสุขุมวิท 24 มา ข้อดีของการที่ผมใช้เงินลงทุนของตัวเองคือตัดสินใจง่าย จะเช่าหรือเจรจาเงื่อนไข ถ้าคุยแล้วโอเคก็ลุยได้เลย พอทำเรื่องเช่าเสร็จ ผมก็ออกแบบก่อสร้าง แต่เนื่องจากเป็นการสร้างใหม่ทั้งหมดจึงใช้เวลา ระหว่างที่ก่อสร้างสุขุมวิท 24 ผมอยากหาอีกโลเคชั่นเพื่อเปิดเป็น Pilot Project ก่อน ก็บังเอิญได้เช่าอาคารพาณิชย์ 7 ชั้นตรงเส้นนราธิวาสตัดสีลม ซึ่งเป็นโลเคชั่นใจกลางเมืองและมีชาวต่างชาติอยู่เยอะ ตรงกับที่อยากได้ ใช้เวลารีโนเวท 3 เดือนก็แล้วเสร็จ ได้เป็นสาขาแรกของ i-Store Self Storage เปิดให้บริการเมื่อเดือนตุลาคม 2017 ปรากฏว่าเปิดได้ 2 เดือน มีลูกค้าแค่ 5 รายจาก 112 ยูนิต แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าธุรกิจจะไปได้นะครับ เพราะโลเคชั่นเราดีจริง ๆ จึงมาโฟกัสที่การตลาด ทำการโปรโมตทั้งทางออนไลน์ ทางพริ้นต์ที่เราไปร่วมกับแมกกาซีนสำหรับกลุ่มคนต่างชาติในเมืองไทย รวมถึงออนกราวด์ คือออกไปแจกโบรชัวร์รอบ ๆ รัศมี 3 กิโลเมตรของสาขา แล้วตัวผมเองก็ไปร่วมงานหอการค้าต่างประเทศในเมืองไทย ทั้งอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย คือพยายามเข้าไปทุกกลุ่ม เพราะเชื่อว่าคนต่างชาติรู้จักธุรกิจนี้ดีอยู่แล้ว เราแค่ต้องทำให้เรารู้ว่าบริการนี้มีอยู่ตรงไหน เขาจะได้เข้ามา ส่วนลูกค้าคนไทยที่อาจยังไม่คุ้นชินกับบริการนี้ เราก็ต้องให้ข้อมูลความรู้กับเขา เพราะเราเชื่อว่าเขามีปัญหาพื้นที่แล้วไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง ขณะที่เราช่วยเสนอทางแก้ให้ว่าสามารถนำของมาเก็บนอกบ้านได้ จะได้มีพื้นที่ใช้สอยในคอนโดราคาแพงที่ตารางเมตรละ 2 – 3 แสนได้คุ้มค่าขึ้น เก็บเฉพาะสิ่งที่จำเป็นดีกว่า เราค่อย ๆ ทำการตลาดมาเรื่อย ๆ ทำราคา โปรโมชั่น ทำความรู้จักกับลูกค้า ปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการและพนักงานต่าง ๆ กระทั่งต้นปี 2018 สาขาสีลมเริ่มมีลูกค้าเข้าใช้บริการมาหขึ้น พอกลางปีมีลูกค้าเข้ามากว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ก็ประจวบเหมาะกับที่สุขุมวิท 24 ซึ่งมีเกือบ 300 ยูนิต เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2018 พอดี กลายเป็นว่าเราพอจะเริ่มรู้วิธีการหาลูกค้าและการตลาดแล้ว จึงมีลูกค้าติดต่อเข้ามาทั้งทางเว็บไซต์และวอล์คอิน ใช้เวลาแค่ครึ่งปีก็ได้ลูกค้ามา 40 เปอร์เซ็นต์ พอผ่านไปปีครึ่งมีลูกค้ามาใช้บริการกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลยครับ” (ยิ้ม)
ฝากของแบบ “พรีเมียม”
คุณภักดีเล่าถึงจุดเด่นของ i-Store Self Storage ว่า “เรามีความเป็นพรีเมียมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่อยู่ใจกลางกรุง เดินทางสะดวก การบริการ และโปรดักส์ที่ออกแบบมาให้ลูกค้าใช้งานได้สะดวก ฝากของได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ลูกค้าสามารถเข้า-ออกได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านระบบคีย์การ์ดที่เป็นแบบกดลิฟต์ไปได้เฉพาะชั้นของตัวเองเท่านั้น และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี สำหรับห้องฝากของ เราก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบลูกค้ารายบุคคล มีขนาดตั้งแต่ 0.5 ตารางเมตร ไปจนถึง 18 ตารางเมตร ห้องสำหรับลูกค้าธุรกิจ ห้องเก็บไวน์ รวมถึงบริการรับฝากกล่องเก็บของส่วนตัวด้วย แค่สั่งกล่องผ่าน www.i-storego.com ก็จะมีเจ้าหน้าที่ i-Store Man นำกล่องสีน้ำเงินส่งให้ลูกค้าถึงบ้าน แล้วรับกลับมาเก็บไว้ที่สโตร์ของเราครับ ในแต่ละห้องจะมีแบบห้องติดแอร์และไม่ติดแอร์ หรือถ้าห้องเก็บของที่พรีเมียมมาก ๆ ก็จะมีระบบล็อกพิเศษ แล้วก็มี Private CCTV เพื่อให้มั่นใจว่าของที่มีค่า เก็บไว้กับเราจะไม่สูญหาย ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแบบบุคคลประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ของที่มาฝากก็หลากหลายครับ บางทีก็เป็นของสะสมส่วนตัว ของที่มีค่าทางจิตใจที่พอจะรีโนเวทคอนโดแล้วต้องมาหาที่เก็บที่ปลอดภัยข้างนอก หรือกลุ่มนักลงทุนที่มีคอนโดให้เช่าหลายยูนิต บางทีลูกค้าอยากใช้เฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง ไม่อยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่เขามีให้ ก็ต้องการหาที่เก็บ ของใหญ่แบบรถซูเปอร์คาร์ก็มีครับ เพราะบางคนรีโนเวทบ้านแล้วไม่รู้จะฝากรถไว้ที่ไหน ส่วนที่สุขุมวิท 24 มีห้องเก็บไวน์ไว้ให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มนักสะสมหรือนักเทรดไวน์ ห้องเรามีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้น รวมทั้งมีเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟกรณีไฟดับ ลูกค้าจึงไม่ต้องห่วงว่าไวน์จะเสียหาย ถือเป็น Niche Market ที่มีโอกาสเติบโตได้ดี นอกจากนี้ก็มีลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ที่ฝากเก็บเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง หรืออาหารเสริม เพราะกลุ่มสินค้าเหล่านี้ต้องใช้สถานที่ที่ได้รับอนุญาตจาก อย. เท่านั้น เราก็มีโปรโมตว่าลูกค้าที่ต้องการสถานที่ที่ได้รับการรับรองสามารถมาเก็บของกับเราได้”
“เราพยายามทำโปรดักส์ให้หลากหลาย ผสมผสานกัน โดยดูจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพราะแต่ละโลเคชั่นลูกค้าก็มีความต้องการที่แตกต่างกัน บางที่อาจมีห้องไซส์ 2 ตารางเมตร หรือล็อกเกอร์ผสมอยู่เยอะ หรือบางที่มีห้อง 18 ตารางเมตร ที่สามารถเก็บรถยนต์หรือข้าวของสำนักงานใหญ่ ๆ ได้ ส่วนในแง่ดีไซน์ เราก็พยายามออกแบบให้แต่ละสาขาแตกต่างกันทั้งภายนอกและภายใน โดยเน้นให้เข้ากับกลุ่มคอมมูนิตี้ของทำเลนั้น ๆ ด้วย”
“โดยกลยุทธ์หลักที่เรานำมาใช้ในการบริการลูกค้าคือ 4C อันแรกคือ Customer Centric ดูว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร ก็พัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงกับความต้องการของเขา สองคือ Create Value ทำอย่างไรให้ลูกค้าจ่ายแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากที่สุด ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะการใช้สอยของห้องครับ สาม Customer Experience พนักงานต้องสร้างความประทับใจทุกจุดที่ลูกค้ามาใช้บริการ ถ้าเขาแฮ็ปปี้ก็จะไปบอกต่อกับคนรู้จัก และสุดท้าย Collaboration ที่เราไปร่วมกับพาร์ตเนอร์รายใหญ่อย่างเดอะมอลล์, เอไอเอส, วิสดอมของกสิกรไทย และไทยพาณิชย์ เพื่อเป็น Privilege บริการพิเศษให้ลูกค้าของพาร์ตเนอร์ได้ประโยชน์ตรงนี้ด้วย”
เป้าหมายใหม่ ใหญ่กว่าเดิม
หลังจากที่ได้รับการตอบรับค่อนข้างดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา คุณภักดีเล่าถึงแผนในอนาคตว่า “ความจริงแผนเราเปลี่ยนไปจากช่วงแรกขอสมกควร ต้องเล่าก่อนว่าเราเป็นธุรกิจสตาร์ตอัพ ไม่ได้คิดว่าจะเปิด 2 สาขาแล้วจบ แต่เราอยากเติบโต เพราะฉะนั้นต้องมีการระดมทุนมาเพื่อจะขยายงาน ซึ่งความยากจะอยู่ที่การหานักลงทุนนี่แหละครับ ยิ่งช่วง 5 ปีแรกเจอสถานการณ์โควิดด้วย จึงหานักลงทุนยาก ต้องไปพิตช์กับนักลงทุนหลาย ๆ ราย ต้องขอบคุณทีมงานของผมที่ทุ่มเททำงานกันเต็มที่ในการเตรียมข้อมูล วิ่งเจรจาต่อรองนำเสนอหลายอย่าง สุดท้ายเราจึงได้ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ LiVE Exchange ซึ่งเป็นตลาดทุนใหม่สำหรับ SMEs และสตาร์ตอัพ ได้ทุนจำนวนหนึ่งจากนายทุนสองรายในปี 2021 คือกองทรัสต์ของ SME Bank และ WHA Venture Holding เราจึงปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจใหม่ จากที่คิดว่าจะขยาย 10 สาขาในช่วง 4-5 ปีนี้ เราเปลี่ยนเป้าหมายเป็นขยายให้ได้ 20 สาขาใน 5 ปี ทั้งในกรุงเทพฯ รวมถึงต่างจังหวัดอย่างพัทยา และภูเก็ต ส่วนในกรุงเทพฯก็ยังโตได้อีกเยอะ เพราะมีอีกหลายโลเคชั่นที่คอนโดหนาแน่นและมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ อย่างแถวสุขุมวิทนี่เปิดได้ทุกซอยเลย (ยิ้ม) ส่วนแผนระยะใกล้ ประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ เราจะเปิดสาขาใหม่ที่สาทร ซอย 1 น่าจะให้บริการได้เกือบ 500 ยูนิต ส่วนสิ้นปีนี้จะเปิดสาขาอุดมสุข น่าจะได้อีก 600-700 ยูนิต ส่วนไตรมาสแรกของปีหน้าก็จะมีสาขาสุขุมวิท 52 ครับ คิดว่ายิ่งเปิดครอบคลุมหลายสาขาและอยู่ในพื้นที่ Prime Area คนก็จะยิ่งรู้จัก i-Store Self Storage มากขึ้นเรื่อย ๆ ผมตั้งเป้าว่าเราจะเพิ่มจำนวนลูกค้าให้ได้ 10,000 ราย คือเติบโตเป็น 10 เท่าของปีนี้ ซึ่งผมว่าเป็นไปได้ เพราะนับวัน คนยิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น เป็นไปตามเทรนด์ของเมืองใหญ่ทั่วโลก ธุรกิจของเราจึงน่าจะตอบโจทย์เรื่องของการช่วยเพิ่มพื้นที่ให้คนเมือง”
“แค่ฝากของไว้กับเรา คุณก็จะมีความสะดวกสบายมากขึ้นในพื้นที่ของตัวเองครับ”
บทความจากนิตยสารแพรว ฉบับเดือนพฤษภาคม 2566 ฉบับที่ 994 ปีที่ 44 หน้า 122-125