IStorageSathon

ทำยังไงให้ i-Store เติบโตแบบยั่งยืนและแข็งแกร่งในอุตสาหกรรม Self Storage ในประเทศไทย 

คุณภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจ Self Storage และภาพรวมการดำเนินงาน

“จากการที่สังคมไทยในปัจจุบันมีความเป็น Urbanization มากขึ้น ผู้คนนิยมย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยและยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกมากมาย รวมถึงปัจจัยของชาวต่างชาติที่ทำงานแบบยืดหยุ่นสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ (Digital Nomad) จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ใจกลางเมืองหรือตามแนวสถานีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากความต้องการที่มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่การให้บริการให้เช่าห้องเก็บของส่วนตัว (Self Storage) เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเหตุการณ์วิกฤติ Covid-19 ก็ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ผู้คนให้ความสำคัญและเล็งเห็นถึงการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ใช้สอยให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดพื้นที่ ทำให้ผู้คนตระหนักถึงการนำสิ่งของที่ไม่ได้ใช้เป็นประจำ หรือใช้เป็นครั้งคราว นำมาเก็บไว้ที่ Self Storage ซึ่งมีการดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยและยังสามารถเข้าออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดของ Self Storage Asia Association (SSAA) แสดงให้เห็นว่าบริการ Self Storage ในภูมิภาคเอเชียยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่แตกต่างจากทวีปยุโรป อเมริกาและออสเตรเลีย”

นอกจากนี้ คุณภักดียังมองศักยภาพของการเติบโตภายใต้การให้บริการแบรนด์ i-Store “เรามั่นใจว่าบริการของเราสามารถสร้างคุณค่าของการให้บริการได้อย่างหลากหลายฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เช่น ตำแหน่งที่ตั้งของสาขาอยู่ใจกลางเมืองที่ลูกค้าสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก การบริการที่ได้มาตฐานของทุกสาขา การให้บริการที่สร้างประสบการณ์ที่ดีเลิศรวมไปถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการต่างๆ และในทุกๆ จุดที่ลูกค้าสัมผัส i-Store จะเป็นแบรนด์ Self Storage ที่ลูกค้าเชื่อมั่น ไว้ใจและเป็นแบรนด์ที่หนึ่งในใจของลูกค้า โดย i-Store มี “Purpose” คือเราจะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง “Increasing Space for Urban Life” จากที่เราเล็งเห็นว่าธุรกิจ Self Storage ในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เราจึงตั้งเป้าหมายที่จะขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมในทำเลสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เพื่อให้ประชาชนที่มีความต้องการใช้ Self Storage มีความสะดวกสบายมากที่สุดในการเข้ามาใช้บริการ ด้วยการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าอย่างลึกซึ้งเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าทุกๆ กลุ่ม บริษัทฯ จึงได้พัฒนา Platform www.i-storego.com เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการความสะดวกสบายและไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาใช้บริการที่สาขา และต้องการให้เราเข้าไปรับสิ่งของจากที่พักอาศัยมาจัดเก็บไว้ที่ Storage ซึ่งบริการดังกล่าวจะสามารถสร้าง Value ให้กับบริการ Self Storage ที่เป็นการเก็บของในรูปแบบเดิมๆ ให้มีความหลากหลายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น”

ในส่วนของภาพรวมอุตสาหกรรมการแข่งขันธุรกิจ Self Storage ในประเทศไทย คุณภักดีมองว่า “ธุรกิจ Self Storage เริ่มมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น โดยจะเห็นว่ามีจำนวนสาขาให้บริการของผู้ประกอบการหลายราย เปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้น รวมถึง ง i-Store Self Storage ด้วยเช่นกัน ที่ในปัจจุบันเปิดให้บริการ 5 สาขา ได้แก่ สาขาหัวลำโพง สาขาสาทร วัน สาขาสุขุมวิท 71 , สาขาสุขุมวิท 24 และ สาขาสีลม (เรียงลำดับจากการเปิดล่าสุดก่อน) และบริษัทฯ อยู่ในระหว่างดำเนินการก่อสร้างเพิ่มอีก  2 สาขา คือ สาขาอ่อนนุช และ สาขาอุดมสุข  โดยทั้งหมดภายในปี 2567 บริษัทฯ จะมีจำนวนสาขาทั้งหมด 7 สาขา มีพื้นที่ให้บริการรวมมากกว่า 10,000 ตารางเมตร ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายอื่นๆ เช่น JWD Store It และ Leo Self Storage ก็มีแผนที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดย ณ ปัจจุบัน JWD Store It มีสัดส่วนการตลาดมากที่สุดตามลำดับจำนวนขนาดพื้นที่ให้บริการ ส่วน i-Store Self Storge เป็นอันดับที่สอง และ Leo Self Storage อันดับที่สาม  ทั้งนี้การตั้งราคาของผู้ประกอบการแต่ละรายจะขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งสาขา และมีกลยุทธ์การลดราคาเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเหมือนทุกอุตสาหกรรมที่ต้องเจอ ต่างจาก i-Store ที่มุ่งเน้นการสร้างคุณภาพการให้บริการและสร้างมาตรฐานของแบรนด์ให้ลูกค้าไว้ใจ รวมสร้างความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้าที่จะได้รับจากการใช้บริการ i-Store เนื่องด้วยมูลค่าทรัพย์สินหรือสิ่งของที่ลูกค้านำมาจัดเก็บนั้นมีมูลค่าทั้งทางด้านราคา และทางด้านจิตใจต่อลูกค้า ให้เกิดความรู้สึกคุ้มค่าและความสะดวกในการเดินทาง รวมถึงความสบายใจเมื่อต้องใช้บริการ โดย ณ ปัจจุบัน i-Store มีจำนวนลูกค้าค้างชำระหรือทิ้งของน้อยกว่า 1% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่าลูกค้าไม่ลังเลที่จะเลือกต่อสัญญาและใช้บริการกับ i-Store อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาการให้บริหารของคู่แข่งที่ถูกกว่ามาเปรียบเทียบ เพราะในท้ายที่สุดความลำบากและยุ่งยากในการย้ายสิ่งของไปจัดเก็บยังสถานที่ใหม่นั้น มีค่าใช้จ่ายในการขนย้ายสูงและเมื่อโปรโมชั่นการลดราคาสิ้นสุดลง ราคาค่าให้บริการก็จะกลับมายังราคาพื้นฐาน ดังนั้นจึงมีลูกค้า i-Store หลายรายที่ไม่ได้พิจารณาเลือกใช้บริการ Self Storage จากราคาโปโมชั่นเป็นตัวแปรหลักในการเลือกใช้บริการและมีความ Loyalty ในการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง” 

สุดท้ายนี้ คุณภักดีมั่นใจว่า “นอกจากการพัฒนาการให้บริการเพื่อให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของลูกค้าในขณะนี้แล้ว การสร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มอัตราการเติบโตของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการแข่งขัน บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะนำธุรกิจ Self Storage เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ( MAI ) ในปี 2567 ซื่งเป็นบริษัทแรกในอุตสาหกรรม Self Storage เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดสาขาให้บริการไปยังจังหวัดหัวเมืองการท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศไทย อาทิ พัทยา ภูเก็ต หัวหิน เชียงใหม่ เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) และอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นคำขออนุญาตแก่ก.ล.ต. ทั้งนี้บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วย Vision และ Mission ตลอดระยะเวลาที่เราได้ดำเนินการเปิดให้บริการมามากกว่า 6 ปี จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและเป็นผู้นำในการประกอบธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของนอกบ้านที่ดีที่สุดในประเทศไทย”