โอกาสการเติบโตของ Self-Storage ในสถานการณ์โควิด-19
ด้วยปัจจัยที่ทำให้เกิดการพลิกผันของสถานการณ์ ภายใต้ผลกระทบจากการระบาดของสถานการณ์COVID-19 ได้สร้างโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรม Self Storage อันเนื่องมาจากการย้ายถิ่นฐาน การปรับปรุงที่อยู่อาศัย การทำงาน รวมไปถึงการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะเป็นปัจจัยหลักของการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ Self Storage ได้อย่างไร
นับตั้งแต่ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยสถานการณ์ของ COVID-19 ตลอดช่วงระยะเวลา 1 ปี นั้น มีธุรกิจหลายๆ อย่างได้รับผลกระทบที่เป็นเชิงลบ จำนวนมาก แต่สำหรับอุตสาหกรรม Self-Storage อย่างน้อยในทางปฏิบัติเรื่องการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง มองว่าการแพร่ระบาดในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเติบโตของธุรกิจ
จากมาตรการ Work From Home เพื่อช่วยลดการกระจายของโรคระบาด ผู้ให้บริการ Self-Storage หลายรายได้รับประโยชน์จากการที่กลุ่มคนที่ต้องการเคลียร์พื้นที่ในบ้านเพื่อสร้างเป็นพื้นที่ในการทำงาน ถึงแม้ว่าเราจะมีวัคซีนในการป้องกันโรคหรือการเปิดสำนักงานไปบ้างแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะกลับไปใช้ชีวิตในการเดินทางแบบเต็มเวลาเหมือนเดิม อย่างน้อย บริษัทฯ บางแห่งก็มีแนวโน้มในการปรับใช้แนวทางดังกล่าวกลับมาเหมือนเดิมและผสมผสานการทำงานแบบ Work From Home เพื่อให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้บริการ Self-Storage จากที่เคยเช่าระยะเวลาสั้นๆ จะมีโอกาสกลายเป็นลูกค้าในระยะยาวอีกจำนวนมาก จากผลสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว เผยแพร่โดย Upwork Inc. แนะนำว่า 25% ของคนทำงานในสหรัฐอเมริกาในปีนี้จะทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ โดยมีจำนวนชาวอเมริกันที่ Work From Home เพิ่มขึ้นเป็น 36.2 ล้านคนภายในปี 2568 ถ้าเป็นไปตามรายงานของ CNBC นั่นหมายความว่าจะเพิ่มขึ้น 87% จากก่อนการแพร่ระบาด COVID-19 ผลกระทบด้านอื่นๆ ของการ Work From Home อีกประการหนึ่ง คือ การเพิ่มขึ้นของการย้ายถิ่นฐาน ในระหว่างจุดเริ่มต้นของการระบาดเมื่อเดือนมีนาคมถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะชาวอเมริกันมีมากถึงจำนวน 8.93 ล้านคน จากการตรวจสอบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงที่อยู่สำหรับบริการไปรษณีย์ของสหรัฐอเมริกาโดย National Association of Realtors (NAR) จากการเปรียบเทียบมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปีอยู่ที่ 94,000 คน เนื่องจากปัจจัยสถานการณ์ทั้งหมดที่มีการกระตุ้นให้เกิดการย้ายถิ่นฐาน
ตามรายงานของ CNN ได้รับข้อมูลจาก Atlas Van Lines และ U-Haul ระบุว่า New York และ California ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากผู้คนที่ย้ายหนีจากรัฐของตนเองเพื่อหาที่อยู่อาศัยที่ถูกกว่า บริเวณอ่าวที่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการบินจาก California กับ Austin, Texas; Seattle, New York City และ Portland เป็นจุดหมายปลายทางขาออกอันดับต้นๆ อ้างอิงจาก moveBuddha.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการจองบริษัทฯ ซึ่งทำให้บริการขนย้ายได้รับประโยชน์จากการย้ายถิ่นฐานบริเวณดังกล่าว ได้แก่ Texas, Washington, New York and Colorado ในขณะเดียวกัน Atlas รายงานว่า 5 อันดับแรกของรัฐที่มีการเคลื่อนย้ายในปีที่แล้ว ได้แก่ Idaho, North Carolina, Maine, New Hampshire and Alabama.
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความต้องการในการจัดเก็บสิ่งของด้วยตนเอง (Self-Storage) ผู้ประกอบการในเนวาดาตอนเหนือเป็นหนึ่งในผู้ที่รายงานการเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงการระบาดของโรค และไม่เพียงแต่มาจากผู้ที่อยู่อาศัยใหม่ที่เดินทางมาจากนอกรัฐ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ธุรกิจ Startups ที่กำลังมองหาสถานที่จัดเก็บสินค้าเป็นปัจจัยผลักดัน ในระดับประเทศจำนวน Startups เพิ่มขึ้น 9.6% ระหว่างเดือนมีนาคม 2561 ถึงมีนาคม 2563 ตามข้อมูลของ Statista ในขณะที่ผู้ประกอบการค่อนข้างคงที่ในช่วงปี 2559 ถึง 2561 ผลกระทบทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากวิกฤติสุขภาพได้สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจจำนวนมาก แต่หากจิตวิญญาณของผู้ประกอบการยังคงขับเคลื่อนธุรกิจ Startups นั่นก็เป็นอีกสัญญาณที่น่าสนับสนุนสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม Self-Storage
ในขณะเดียวกันเราต้องพิจารณาด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยและการย้ายถิ่นฐานจะช่วยเพิ่มระยะเวลาการใช้งาน ความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการให้บริการและโอกาสในการเติบโตของกิจการในอุตสหรกรรมหรือไม่ อีกปัจจัยหนึ่งคือธุรกิจหน้าร้านจำนวนมากในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ใจกลางเมือง อาจจะไม่สามารถกลับมาเปิดให้บริการ ซึ่งจะทำให้โอกาสที่ Self-Storage จะสามารถเปิดให้บริการแบบผสมผสาน โดยให้ร้านค้าและผู้ให้บริการรายอื่น ๆ สามารถเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ในราคาประหยัด
เราได้เห็นแล้วว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการ Self Storageปรับปรุงการให้บริการและสร้างประสบการณ์เพื่อดึงดูดลูกค้าในการเช่าและย้ายเข้ามา รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็วในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เช่า รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยและช่วยให้สามารถจัดการสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
แม้ในปีที่ผ่านมาจะเผชิญกับความยากลำบาก แต่อุตสาหกรรม Self-Storage ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความสำคัญและมีความยืดหยุ่นสูง ปัจจัยทั้งสองสิ่งนี้คือสิ่งที่ควรนำมาซึ่งกำลังใจและแรงจูงใจมากมายสำหรับในหลายๆ เดือนข้างหน้า
แปลบทความจาก : insideselfstorage
คุณภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด ผู้ให้บริการ i-Store Self Storage ในประเทศไทย ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและภาพรวมของการเติบโตธุรกิจ Self Storage ในประเทศไทยว่า ตามที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 ซึ่งทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยเฉพาะกลุ่ม Hospitality อันเนื่องมาจากการท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก ในส่วนธุรกิจอสังหาฯ ประเภทให้เช่าพื้นที่ เช่น ห้างสรรพสินค้าอาคารสำนักงาน โกดัง ก็ได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักของการดำเนินธุรกิจเช่นกัน ในส่วนของธุรกิจ Self Storage ก็ได้รับผลกระทบเชิงลบบ้างในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาด แต่ ณ ปัจจุบันการกลับเข้ามาใช้บริการเช่า Self Storage ก็ฟื้นตัวขึ้น จากกลุ่มลูกค้าคนไทยที่เกิดการรับรู้เกี่ยวกับการใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และดีกว่าก่อนเกิดการแพร่ระบาด โดยเหตุผลมาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น การรีโนเวทคอนโด หรือ บ้าน เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับการ WFH การเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยบวกเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ความต้องการเช่า Self Storage เพิ่มสูงขึ้น การเช่าส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าระยะยาวมากกว่า 1 ปีขึ้นไป เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ใช้บริการจะนิยมนำของใช้ส่วนตัวมาเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเริ่มนำสิ่งของเข้ามาเก็บในช่วงแรก ในส่วนการปรับตัวเรื่องการให้บริการ i-Store Self Storage ได้มีการนำเทคโนโลยีด้านต่างๆ เช่น โปรแกรม Google street view ทดแทนการเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่จริงของลูกค้า การทำ VDO สำหรับตัวอย่างของการเก็บของและโปรแกรมการคำนวนขนาดห้องด้วยตัวเอง ทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจในการใช้บริการได้ง่ายมากขึ้น จากสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาทำให้เชื่อได้ว่าธุรกิจ Self Storage เป็นอสังหาริมทรัพย์ทางเลือกที่สามารถทนทานต่อวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดจากหลากหลายปัจจัยลบ และยังเป็นธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกมากตาม Mega trend “Urbanization” ได้เป็นอย่างดี