เปิดเส้นทาง i-Store ผ่านจุดเสี่ยงที่เลี่ยงไม่ได้

อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง สิ่งที่ตามมาคงหนีไม่พ้น “ความเสี่ยง” ที่เจ้าของทุกคนต้องแบกรับ เพราะความฝันที่ยิ่งใหญ่ ย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง ซึ่งไม่ว่าคุณภักดี อนิวรรตน์ จะเตรียมพร้อมในการวิ่งตามความฝันสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจมากแค่ไหน ก็ยังคงมีอุปสรรคให้ท้าท้ายอยู่ตลอดเวลา


ณ วันที่คุณภักดี ลงมือปั้นธุรกิจ Self Storage Brand i-Store  ขึ้นมา เมื่อปี 2017 ด้วยการเล็งเห็นโอกาสจากธุรกิจ Self Storage ในต่างประเทศ อาทิ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน มีการเติบโตของธุรกิจจากพฤติกรรมของผู้คนที่นิยมอาศัยอยู่ในคอนโดฯ และจำนวนความหนาแน่นของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นในสังคมเมือง ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับกรุงเทพมหานคร ณ ปัจจุบัน จำนวนความหนาแน่นของประชากรและคอนโดฯ ในเมืองที่มีขนาดเล็กลง รวมไปถึงการย้ายถิ่นฐานของชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยก็มีจำนวนที่สูงขึ้นเรื่อยๆ การศึกษาความเป็นไปได้บวกกับความหลงไหลในธุรกิจอสังหาฯ คุณภักดีจึงรวบรวมความกล้าลงหลักปักฐานให้บริการ Self Storage สาขาแรกที่สาขาสีลม ด้วยการรีโนเวทตึกแถวให้กลายเป็นพื้นที่บริการให้เช่าห้องเก็บของขนาด 170 ตรม. แต่ในขณะเดียวกันนั้น ได้ทำการก่อสร้างสาขาที่สอง สาขาสุขุมวิท 24 ด้วยพื้นที่ให้บริการ 1,200 ตรม. ขนาดใหญ่ขึ้นอีกประมาณ 7 เท่า ของสาขาแรก


เพราะต่างประเทศยังมีลูกค้าเลย เมืองไทยจะไม่มีได้ยังไง ความคุ้นเคยจากที่เคยใช้บริการในต่างประเทศ กลุ่มลูกค้าต่างชาติ จึงเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงจำนวนผู้เล่นในตลาดตอนนั้นมีเพียงแค่รายเดียว ผลประกอบการ 3 เดือนแรก ลูกค้าใช้บริการไม่ถึง 5 คน และจากที่คิดว่าเป็นลูกค้าต่างชาติกลับเป็นคนไทยมากกว่า คำถามมากมายเกิดขึ้นทั้งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย Timing ตอนนี้ว่าใช่หรือไม่ การจัดกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่จึงเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยการทำการตลาดแบบเชิงรุกนอกเหนือจากการทำ Awareness และการ Educate ตลาด เพื่อให้ลูกค้าให้เล็งเห็นถึงความคุ้มค่าของการใช้พื้นที่ในบ้านแทนการเก็บของแล้ว การเข้าหาลูกค้าผ่านกิจกรรมตาม Lifestyle และ Life Transition อย่างในระหว่างการขนย้าย เปลี่ยนแปลง หรือ ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ก็สามารถนำของมาจัดเก็บได้ด้วยเช่นกัน โดยสร้างการเข้าถึงบริการผ่านทาง Partner ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักๆ อาทิเช่น บริษัทอสังหาฯ แสนสิริ AP SC Asset และ Noble ธุรกิจบริการผ่านดูแลลูกบ้านโครงการ Plus Smart Ruejai Club เป็นต้น รวมถึงอื่นๆ เช่น เครือโรงแรมและ Service Apartment แบรนด์ Ascott สมาชิกM Card สมาชิก AIS Serenade เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างมากขึ้น จึงทำให้ตอนนี้ i-Store มีจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการแต่ละสาขาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย


จากผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า คุณภักดี เร่งกำลังขยายสาขาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น แต่การขยายสาขาต้องใช้เงินการลงทุนที่ค่อนข้างสูง การเจรจากับนักลงทุนและประสานงานกับทางธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ โดยหลักแล้วก็ดูเหมือนไม่มีอุปสรรคอะไร เพราะเมื่อมีลูกค้ามากขึ้นก็ต้องขยายสาขาให้เยอะขึ้น อีกทั้งธุรกิจก็ดูน่าสนใจจากความใหม่ แต่เมื่อสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงอย่างโควิด-19 เกิดขึ้น ทุกอย่างก็ได้รับผลกระทบหมดเลย ทั้งเรื่องของความกังวลของนักลงทุนหรือธนาคารที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาเพิ่มมากขึ้น มีทางเดียวที่เราจะรอดคือต้องไปต่อเท่านั้น โอกาสในวิกฤตมันมีจริงๆ เมื่อธุรกิจ Self Storage ไม่ได้รับผลกระทบจากการเข้าใช้บริการของลูกค้ามากนัก แต่กลับทำให้ลูกค้าต่างชาติที่ต้องกลับต่างประเทศชั่วคราวนำของออกจากคอนโด มาจัดเก็บที่ Self Storage รวมถึงลูกค้าคนไทยที่ต้องอยู่บ้านเพิ่มมากขึ้น ใช้พื้นที่ภายในบ้านเพื่อทำงาน ออกกำลังกาย ทำอาหาร ใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น รวมถึงการซื้อของผ่าน E-commerce ก็เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ภาระของพื้นที่อยู่อาศัยต้องกลายเป็นพื้นที่ในการจัดเก็บของ ดังนั้น ธรุกิจ Self Storage จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยวิสัยทัศน์ในการมองสิ่งต่างๆ และความพยายามของคุณภักดีในการเป็นแบบอย่างของความคิดเรื่อง Positive Thinking และความอดทน ที่ไม่ย่อท้อ  เรียนรู้จากความผิดพลาด เปิดรับทุกความคิดเห็นของลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการอยู่สม่ำเสมอ จึงทำให้ Brand i-Store ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า นักลงทุน และผู้สนับสนุนทางการเงินมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ ได้แปลงสภาพเป็นมหาชนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiveEx ด้วยสาขาที่เปิดให้บริการทั้งหมด 7 สาขา คือ สาขาสีลม สาขาสุขุมวิท 24 สาขาสุขุมวิท 71 สาขาสาทร วัน สาขาอ่อนนุช สาขาอุดมสุข และสาขาอ่อนนุช ทั้งนี้ภายในปี 2024 คุณภักดี ตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Mai เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับบริษัทฯ ต่อไป